06 January 2011

วันที่ 5 มาโผล่ที่ต้าถง ชมวัดแขวน-ถ้ำหยุนกัง

     เรามาถึงต้าถงกันตั้งแต่ตี 5 อากาศเย็นนิดหน่อย เช้านี้ยังไม่ได้ล้างหน้าล้างตากันเลย ออกจากสถานีรถไฟปุ๊บ ก็มีอาเจ็กมาทักทายทันที ว่าเราจะไปที่ไหนกัน พวกเราก็กำลังงัวเงียอยู่ ว่าจะหาโรงแรมเข้าไปล้างหน้ากันสักนิด อาเจ็กก็มาชวนเที่ยวแต่เช้า ตอนแรกพวกเราก็เดินหนีอยู่หรอก แต่อาเจ็กแกตื๊อมากๆ จะพาเราไปเที่ยวให้ได้ สุดท้ายเราก็เลยต่อรองราคากัน ได้ในราคา 250 หยวน จาก 300 หยวน (ทำไมต่อได้นิดเดียวเองเนี่ย?) เที่ยว 3 ที่ คือ วัดแขวน (悬空寺 เสวียนคงซื่อ) ถ้ำผาหยุนกัง (云冈石窟 ยวิ๋นกังสือคู) และกำแพงเก้ามังกร (九龙壁 จิ่วหลงปี้)แล้วก็ออกเดินทางทันที (แต่ถ้าใครจะไปเที่ยวเองโดยไม่เหมาแท็กซี่ ก็มีรถบัสไปนะ เพราะตอนเรายืนคุยกับอาเจ็กอยู่ ก็มีเจ๊มาถามว่าจะไปรึเปล่า รถบัสจะออกแล้ว ปล.จำไม่ได้ว่ารถบัสที่มาเรียก ไปวัดแขวนหรือถ้ำหยุนกังแล้ว)


     เราเสียเวลากับการต่อรองราคาอยู่นานมาก จนกี่โมงแล้วไม่รู้ แต่ฟ้าก็ยังมืดอยู่ อาเจ็กขับรถแกบอกให้ออกเดินทางกันเลย เพราะว่ากว่าจะไปถึงวัดแขวนก็อีกนาน เพราะมันอยู่ไกลมาก...


     รถแท็กซี่อาเจ็กใหม่เอี่ยมมากๆ เลย แล้วอาเจ็กแกก็ดี ชวนคุยโน่นคุยนี่ นั่งรถไปสักพัก พวกเราก็หลับ ตื่นอีกทีก็ใกล้จะถึงวัดแขวนกันแล้ว


     มาถึงแล้ว ก็แวะซื้อตั๋วกันก่อน



ตั๋วราคาปกติ 130 หยวน

     ตั๋วครึ่งราคา 65 หยวน สำหรับนักเรียน นักศึกษา (ต้องใช้บัตรนักเรียน/นักศึกษาแสดง) และผู้ใหญ่ อายุเกิน 60 ปี (ใช้พาสปอร์ต สำหรับชาวต่างชาติ)



     มาถึงแล้วจ้า วัดแขวน หรือภาษาจีนเรียกว่า 悬空寺(xuán kōng sì  เสวียนคงซื่อ) ดูสิ วัดอยู่ข้างหลังไง





 ธรรมชาติอันร่มรื่นบริเวณวัดแขวน



ดูกันชัดๆ



น่าทึ่งมากๆ เลย



ทิวทัศน์รอบๆ มีแต่เขา



เอาล่ะ จะขึ้นไปบนวัดแล้วค่ะ



ถ้ายืนบนนั้น เสาจะหักมั้ยเนี่ย



ทางเข้า



ประตูโบราณ



ตอนนี้เดินขึ้นมาด้านบนแล้วค่ะ



มองลงมาข้างล่าง



หวาดเสียวเหมือนกันนะเนี่ย


บันไดขึ้นไปชั้นบน แคบมากๆ


ขึ้นไปต่อ



โฮ่ๆๆ เสา เสา เสา



เดินทีละคนนะค้า



ยืนแค่คนเดียวก็เต็มละเนี่ย

มองลงไปข้างล่าง หวาดเสียวนะเนี่ย


 หุหุ สร้างได้ไงอ่ะ เก่งจริงๆ



 ยื่นกล้องออกไปถ่าย กลัวตกเหมือนกัน



      ดูสภาพสิ ติดหน้าผาจริงๆ เลย ดีนะที่มาแต่เช้า คนเลยยังไม่ค่อยมี
เรามากัน 3 คนแรก หลังจากนั้นก็เริ่มมีคนทยอยมาเรื่อยๆ ละ



 ให้ดูความเก่งของคนสร้าง



 หลังคาวัด สวยงามตั้งแต่สมัยโบราณ



มีกระเบื้องแตกเหมือนกันแฮะ



 ภาพนี้ เป็นลายอะไรคะ

 ลวดลายจิตรกรรม เมื่อ 1,500 ปีก่อน



ยังสวยอยู่เลย



แบบแกะสลักก็มี



     ห้องพระเล็กๆ น่ารักๆ 
ปล.ขึ้นได้ทีละคนนะเนี่ย ไม่กล้าขึ้นพร้อมกัน กลัวมันรับน้ำหนักไม่ไหว

ลวดลาย เริ่มผุกร่อน เลือนหายไปตามกาลเวลา





บานประตู



 ให้ชมความงามแบบเต็มๆ กันอีกครั้ง



แหะๆ ต้นไม้กำลังผลิใบสวยงาม ขอถ่ายภาพไว้ก่อน


พอเราลงมา คนก็เริ่มมาเยอะแล้ว


ให้ดูเสาที่ค้ำวัด
มุมขวามีเสาแค่ต้นเดียวนะ เหอๆๆ เมื่อกี๊เราไปยืนมาแว้ววว




แบบเต็มๆ

สวยจริงๆ

สวยมากๆ

วัดเล็กจิ๋ว

แล้วเราก็ข้ามสะพานกลับไป



     กลับมาที่รถ อาเจ็กยืนรออยู่ แล้วก็บอกว่า “นี่ๆ พวกเธอไปนานจัง ปกติคนอื่นเค้าไปกันแค่ชั่วโมงเดียวก็นานแล้วนะ พวกเธอเล่นหายไปกัน 2 ชั่วโมง เดี๋ยวไปที่อื่นไม่ทันนะเนี่ย” พวกเราก็หัวเราะ 555+ ก็ไม่ได้มาบ่อยๆซะอีกเนี่ย กว่าจะได้มา ไม่รู้อีกเมื่อไหร่ ก็ต้องเดินให้คุ้มสิ จริงมั้ย???
แล้วเราก็ออกเดินทางกันต่อไป ว่าแต่ว่า เช้านี้ หน้าก็ยังไม่ล้าง ฟันก็ไม่แปรง ข้าวก็ไม่กิน ลุยเที่ยวกันเลยนิเรา หนุกจัง…

   ระหว่างทาง อาเจ็กก็ถามว่า ยังจะไปดูกำแพงเก้ามังกร
(九龙壁 jiǔ lóng bì) กันอีกมั้ย แต่พวกเราก็เกรงว่าจะเสียเวลา
เลยตัดสินใจไม่ไปกันแล้ว ขอไปถ้ำหยุนกังเลยละกัน
และแล้ว ก็หลับต่อบนรถอีกเช่นเคย....

     หลับไปนานมาก มารู้สึกตัวอีกทีตอนที่อาเจ็กจอดรถในเมือง
แล้วบอกว่า เดี๋ยวจะให้เพื่อนมาขับแทนนะ ตอนบ่ายอาเจ็กต้องไปงานแต่งงาน ขอไปนอนก่อนล่ะ พวกเราก็งงมาก อ้าว.. ไรว้า มีแบบนี้ด้วยหรอเนี่ย และแล้วเพื่อนอาเจ็กก็มา แต่ไม่เห็นจะแก่เลย อายุน่าจะ 20 ปลายๆ
หรือไม่ก็ 30 ต้นๆ อ่ะ แต่เค้าก็นิสัยดีเหมือนกัน ดูมีการศึกษา
คงไม่ได้ขับรถเป็นอาชีพหรอก

     เค้าก็ชวนพวกเราคุยเหมือนเดิม ฟังออกบ้าง ไม่ออกบ้าง
อันไหนที่ฟังไม่ออก ก็อืมๆ อ๋อๆ ไปตามเรื่องตามราว
ถ้าเห็นเค้าหัวเราะ เราก็หัวเราะตาม 555+ ขำๆ ดี
เสียดายลืมถามชื่อคนขับรถไปซะนี่ ทั้งอาเจ็กและอาเฮียคนนี้เลย

     อาเฮียเค้าก็ถามพวกเราว่าจะไปไหนกันบ้าง เราก็พล่ามไปเรื่อย 
พอเค้ารู้ว่าเราจะไปถ้ำผาหลงเหมินที่ลั่วหยางด้วย เค้าก็บอกว่า
รู้รึเปล่า ว่าถ้ำพระที่ดังๆ ในจีนเนี่ยมีอยู่ 3 แห่ง ก็คือ 
ถ้ำผาหยุนกังที่กำลังจะไป ถ้ำผาหลงเหมินที่ลั่วหยาง และถ้ำผาม่อเกาที่ตุนหวงนะ
พวกเราก็ตื่นเต้นกันใหญ่ จริงหรอๆ แหม ไม่รู้เลยนะเนี่ยว่าเรามาเที่ยวถ้ำมรดกโลกตั้ง 2 แห่ง ขาดอีกแค่ที่เดียวเองที่ไม่ได้ไป
เอาไว้ครั้งหน้ามีโอกาสละกัน จะเก็บให้ครบเลยเนี่ย
เอาล่ะ โม้ไปโม้มา (รอบนี้ไม่ได้หลับ เพราะอาเฮียชวนคุยเก่งมากๆ)
ก็ถึงถ้ำแล้วล่ะ ได้เวลาเที่ยวแล้วเรา เย้ๆๆ
อาเฮียแกขอรอพวกเราตรงที่จอดรถ แล้วก็แลกเบอร์โทรกัน เผื่อหาไม่เจอ แล้วเราก็ไปเที่ยวกัน



แชะก่อนเลยค่า ตรงทางเข้า

ตรงบันได ลานหน้าห้องซื้อตั๋ว


ได้ตั๋วแล้วค่ะ ราคาเหมือนกันกับที่วัดแขวน
ด้านหลังเป็นแผนที่ของถ้ำ

ลานเดินไปถ้ำ

กว่าจะถึงถ้ำ แวะถ่ายภาพพลางๆ


ก็มันสวยนี่เนอะ

มีเสียงเพลงระหว่างทางเดิน ออกมาจากเจ้านี่นี่เอง
ปูนปั้นบนกำแพง
ถ้าเหนื่อยก็นั่งพักก่อนค่ะ แต่ดูสิ ถังขยะก็ยังสวยเลย


ต้องนั่งรถนี้ไปค่ะ เพราะว่าถ้ำอยู่ไกล ซื้อตั๋วด้วยนะ
จำไม่ได้ว่า 5 หยวน หรือ 10 หยวน


ตั๋วโดยสารรถ ห้ามทำหาย เพราะต้องใช้ตอนขากลับด้วย


ไปล่ะค่ะ

ระหว่างทาง


ถึงแล้วค่ะ

เค้าพาหนูมาส่งแถวๆ นี้










แค่ก้าวข้ามประตูมาเท่านั้นแหละ เหมือนหลุดมาอยู่อีกเมืองนึงเลย
























ถ้ำ และรูปแกะสลักของถ้ำผาหยุนกัง ที่ยังสมบูรณ์อยู่

 

     องค์พระนั่งขัดสมาธิองค์ใหญ่
พระหัตถ์ด้านขวามีพระพุทธรูปยืนองค์เล็กหนุนไว้
 
พระพุทธรูปยืน ห่มจีวรที่แกะสลักเป็นพระพุทธรูปพันองค์

ถ้ำเยอะจริงๆ ค่ะ


ที่จริงด้านหลังนี้ยังมีถ้ำอีก แต่เค้าไม่ให้เข้าไปแล้ว เห็นบอกว่าอันตราย


บริเวณจุดไฮไลท์
จุดไฮไลท์ของถ้ำนี้
องค์พระพุทธรูป ประดิษฐานอยู่กลางแจ้ง เพราะกำแพงถ้ำพังไปราวๆ
ค.ศ.907-1125 นอกจากนี้พระยืนที่อยู่ด้านขวาขององค์พระก็พังไปด้วย (เห็นหลักฐานตรงส่วนเท้า) เหลือแต่เพียงองค์ด้านซ้าย

มุมไฮไลท์ด้านข้าง
ดูลวดลายชัดๆ
ให้ดูความใหญ่ขององค์พระ เทียบกับตัวคน
ถ่ายจากไกลๆ
นั่งรถกลับละ

ห้องน้ำที่นี่สะอาดใช้ได้ค่ะ ไม่เหม็นด้วย อิอิ
แล้วเราก็เดินเล่นอยู่ในนี้สักครู่หนึ่ง เดินดูของกิน ของที่ระลึกกัน
แล้วก็กลับออกไปขึ้นรถที่รออยู่
ขากลับ เราก็ขอให้อาเฮียพาไปร้านถ่ายรูปหน่อย เพราะว่าเราจะเอารูปลงซีดีกัน เนื่องจากว่าถ่ายกันจนเมมโมรี่การ์ดเต็มหมดแล้ว อาเฮียก็ใจดีมากๆ แกก็โทรหาเพื่อน ถามร้านให้เรา แต่ว่าหาไม่ได้


แกก็เลยตัดสินใจไปส่งเราที่สถานีรถไฟ เพราะกลัวว่าถ้ามัวแต่หาร้านถ่ายรูป จะขึ้นรถไฟตอน 4 โมงครึ่งไม่ทัน ก็เลยปล่อยเราหน้าร้านขายข้าว
เพราะเห็นว่าเรายังไม่ได้กินอะไรกันทั้งวัน
(ยังอุตส่าห์เป็นห่วงอีกแน่ะ ไอ้พวกเรายังไม่ห่วงตัวเองเลย)


แต่อนิจจา..เดินเข้าไปในร้านก็นะ พนักงานบอกว่าข้าวหมด อดกินเหมือนเดิม แล้วพอพวกเราเดินออกมาจากร้านขายข้าวเท่านั้นแหละ อาเฮียก็มาสะกิดเรียกพวกเราอีก พวกเราก็งงว่าอ้าว เฮียไปแล้วไม่ใช้หรอ แล้วเฮียก็บอกว่า เจอแล้ว ร้านที่จะลงรูปได้ ขึ้นรถเลยๆ แกก็พาเราไปร้านใกล้ๆ บริเวณนั้น อธิบายกับเจ้าของร้านเสร็จสรรพ แล้วก็ถามเจ้าของร้านให้อีก ว่าแถวนี้มีอะไรกินบ้าง เจ้าของร้านเลยบอกให้ไปซื้อเค.เอฟ.ซี แถวๆ นั้นมากิน แล้วอาเฮียคนขับรถก็จากไป เจ้าของร้านแกบอกว่าเค.เอฟ.ซี.อยู่ไม่ไกลหรอก (ย้ำ!อยู่ไม่ไกล) พวกเราก็ว่า งั้นเดินไปละกัน อยู่ไม่ไกล แล้วเจ้าของร้านก็บอกว่า ไม่ได้หรอก ต้องนั่งแท็กซี่ไป แล้วแกก็เขียนที่อยู่ร้านแกให้เรียบร้อย ไว้สำหรับยื่นให้แท็กซี่ตอนขากลับ


ปรากฏว่า เรานั่งแท็กซี่ไปกันพักนึง ก็ยังไม่ถึง เลยเริ่มกระวนกระวายว่าจะตกรถไฟป่าวเนี่ย? เค้าพามาผิดทางรึเปล่า? เพราะไกลมากกกกกกกกกก เหมือนกับออกมานอกเมืองแล้วเนี่ย เนี่ยหรอ?ไม่ไกลของคนจีน โอ้มายก้อด!กว่าจะถึง เครียดมั่กๆ แล้วก็ต่อแถวซื้อไก่อีก แล้วก็รีบออกมาเรียกแท็กซี่กลับไปที่ร้าน เฮ้อ โชคดี ยังมีเวลาเหลือ แล้วก็ไรท์แผ่นเสร็จพอดี เลยเรียกแท็กซี่ให้ไปส่งสถานีรถไฟหน่อย เพราะขี้เกียจลากกระเป๋าไปแล้ว
 (แต่ที่จริงร้านอยู่ใกล้กับสถานีรถไฟมากเลย เดินไปได้สบายๆ ถ้าพอมีเวลา ไม่ได้เร่งรีบแบบเรานะ)


และแล้ว เราก็มาถึงสถานี และขึ้นรถไฟได้ทันเวลา เฮ้อ...เค.เอฟ.ซี.ทำเอาเครียดเลยวันนี้ แล้วเราก็หาที่นั่ง และแทะไก่กันอย่างมีความสุข คิๆ 
กินเสร็จแล้วก็พักผ่อนตามอัธยาศัย พร้อมลุยต่อสำหรับวันพรุ่งนี้ค่า......






ตู้นอน แบบ 4 เตียง (Soft Sleeper)
นอนสบายมากๆ เป็นส่วนตัวดีด้วย เพราะมีประตูห้องปิด


--------------------------------------------
วันที่ 1 การเดินทางวันแรกของหนู
วันที่ 2 ถึงเมืองจีนแล้วจ้า
วันที่ 3 เที่ยวกำแพงเมืองจีน
วันที่ 4 นางสนมที่เทียนถาน
วันที่ 5 มาโผล่ที่ต้าถง ชมถ้ำหยุนกัง-วัดแขวน
วันที่ 6 เข้าสู่ซีอาน ชมสุสานจิ๋นซี
วันที่ 7 เที่ยวลั่วหยาง ชมถ้ำหลงเหมิน,พิพิธภัณฑ์ และวัดม้าขาว
วันที่ 8 กลับปักกิ่ง โดนทหารไล่ที่พระราชวังต้องห้าม
วันที่ 9 พักผ่อนหย่อนใจ ที่พระราชวังฤดูร้อน-สนามกีฬารังนก-หวังฝูจิ่ง
วันที่ 10 ช็อปปิ้งที่ตลาดรัสเซีย
วันที่ 11 บ๊ายบายปักกิ่ง
วันที่ 12 ถึงบ้านโดยสวัสดิภาพ

No comments: