09 December 2010

วันที่ 3 กำแพงเมืองจีน ด่านปาต๋าหลิ่ง (八达岭长城)

     วันนี้ตื่นแต่เช้าเลย ออกจากโรงแรมประมาณ 6 โมงกว่า แล้วก็เรียกแท็กซี่ ไปเต๋อเซิ่งเหมิน ตามที่พนักงานโรงแรมบอก ใช้เวลาไม่นานก็ไปถึง ค่าแท็กซี่ประมาณ 10 กว่าหยวน


     แท็กซี่พาเรามาส่งที่ป้ายรถเมล์สาย 909 ที่จะไปกำแพงเมืองจีน มองไปฝั่งตรงข้ามก็จะเห็นป้อมนี้ค่ะ



     ค่าโดยสารรถประจำทาง ถ้าจำไม่ผิด ก็ 12 หยวน นั่งๆ นอนๆ บนรถไปประมาณ 1 ชั่วโมงกว่าๆ ก็ถึงค่ะ


จะไปกำแพงเมืองจีนล่ะนะ




     เก็บบรรยากาศยามเช้าของเมืองปักกิ่ง ระหว่างนั่งรถชมเมือง (ที่จริงเราหลับอยู่ ภาพนี้พี่บอลถ่าย 555+)




เย้ๆๆ เริ่มเจอทางเข้าแล้ว


                   
แต่ก็ยังนั่งรถต่อไป เหอๆๆ




     ก่อนจะถึงกำแพงเมืองจีน ต้องลอดอุโมงค์ก่อนนะ นั่งไปนั่งมา 8 โมงแล้วเนี่ย ยังไม่ถึงอีก




     ในที่สุดก็มาถึงซะที อากาศหนาวสุดๆ หนาวมากกกกกกกกกกก จนหมอกโปรยลงมาเป็นละอองฝนเลยอ่ะ ดีนะที่เตรียมเสื้ออย่างหนามาอีกตัว พร้อมทั้งผ้าพันคอและถุงมือ เลยค่อยยังชั่วหน่อย เอาล่ะ...พร้อมลุยแล้ว


     เรามาถึงกันแต่เช้า คนต่อคิวถ่ายภาพก็เลยยังไม่ค่อยเยอะ อิอิ ว่าแล้วก็ แชะไปคนละภาพ เดี๋ยวแม่ไม่เชื่อว่ามาจริง



  ระหว่างทางเดินก่อนไปขึ้นกำแพง ประดับประดาด้วยดอกไม้..สวยค่า



นั่นไง ใกล้ถึงทางขึ้นกำแพงแล้ว เย้ๆๆ



     มาซื้อตั๋วกันก่อนจ้า ราคาตั๋วปกติ คนละ 45 หยวน ถ้าเป็นนักเรียน/อายุเกิน 60 ปี ได้ลดครึ่งราคา แต่ต้องใช้พาสปอร์ตประกอบการซื้อตั๋วด้วยนะ ถ้าเป็นนักเรียนก็ต้องใช้บัตรนักเรียนด้วย



     มีเครื่องนำทางให้เช่าด้วย แต่ไม่มีภาษาไทยอ่ะ เครื่องนำทางก็เป็นเหมือนไกด์ให้เราค่ะ พอเดินถึงตำแหน่งในแผนที่ของเครื่องนำทาง ก็จะมีเสียงบรรยาย ว่าจุดนั้นจุดนี้มีประวัติความเป็นมาอย่างไร แต่ไม่มีบรรยายไทย เลยไม่เอา



   นี่ไงตั๋วกำแพงเมืองจีน


เจอตู้ไปรษณีย์เมืองจีน ขอถ่ายด้วยนะค้า


     ภาพนี้ให้ดูบรรยากาศ หมอกลงค่อนข้างหนาอ่ะ เลยมองทิวทัศน์ไม่ค่อยเห็นเลย



ดูสิ คนจีนมาเองยังต้องกางร่ม +ใส่เสื้อกันฝนเลยเนี่ย



  มาบนกำแพงแล้วจ้า



  กรุ๊ปทัวร์ทั้งหลาย เริ่มมากันแล้ว


ก่อนขึ้นกำแพง มีร้านขายของด้วยนะ



 
ดูวิวกำแพงเมืองจีนสิ



กำแพงเมืองจีน โดนสลักชื่อเต็มไปหมดแล้ว




 เดินมาใกล้ถึงป้อมแรกละ


  ขอพักสักครู่ค่ะ




                     ดูทางสิคะ



                       มองแทบไม่เห็นด้านหลังเลยเนี่ย



                              หมอกหนามาก


     เราเดินชมกำแพงเมืองจีนกันสักพัก ประมาณ 3 ป้อมกว่าๆ ได้ ก็เริ่มไม่ไหวแล้ว เพราะว่าอากาศหนาว+หมอกจัด และทางก็เริ่มชันขึ้นเรื่อยๆ (จริงๆ แล้วเป็นข้ออ้าง อิอิ) แถมอากาศหนาวๆ แบบนี้ ขอบอกว่าถ่านกล้องถ่ายรูปหมดเร็วมากๆ เลย ต้องทำให้ถ่านอุ่นก่อน เราก็เอามาซุกในเสื้อหนาวบ้าง ถูกับฝ่ามือบ้าง ก็พอใช้ต่อได้อยู่ แต่อากาศหนาวๆ และหมอกจัดแบบนี้ ก็ทำให้กล้องถ่ายรูปของพวกเราแฮ้งค์ไปตามๆกัน กล้องค้างบ้าง เปิดไม่ได้บ้าง จนคิดว่าเสียซะแล้วนะเนี่ย แต่พออากาศอุ่นขึ้น กล้องเราก็กลับมาทำงานได้อีกครั้ง


     ที่จริง แผนเราตอนแรก กะว่าจะขึ้นกำแพงเมืองจีนโดย Slide way แล้วค่อยเดินลงกำแพงกัน โอโห เป็นอะไรที่เพอเฟ็กต์สุดๆ แต่ดันหาไม่เจอว่าขึ้นตรงไหน หาไปหามา เดินมา 3 ป้อมแล้วก็ไม่เจอ เลยตัดใจ....ไม่ขึ้นก็ได้ มารู้อีกทีก็ในคู่มือที่เราพกพานั่นเอง ว่าต้องขึ้นตั้งแต่ลานจอดรถแล้วอ่ะ อ้าวพลาดแล้วสิเนี่ยเรา เซ็งเลย แงๆๆ แต่ก็ไม่เป็นไร บอกไว้ที่นี่ละกัน เผื่อใครอยากขึ้นกระเช้า หรือ Slide way ที่ด่านปาต๋าหลิ่งบ้างนะคะ จะได้ไม่พลาดเหมือนเรา อิอิ ในคู่มือเค้าบอกไว้ว่า ..


     กระเช้าไฟฟ้า ทางขึ้นอยู่ที่ลานจอดรถฝั่งตะวันตก จะขึ้นมาถึงหอสังเกตการณ์หมายเลข 8 ค่ากระเช้าไฟฟ้า เที่ยวเดียว 40 หยวน ถ้าไป-กลับก็ 60 หยวน


     ส่วน Slide way อยู่ที่ลานจอดรถด้านตะวันออก จะขึ้นมาถึงหอสังเกตการณ์หมายเลข 5 ค่า Slide way เที่ยวละ 30 หยวนเจ้าค่ะ


     เอาล่ะ ในเมื่อไม่ได้นั่งอะไรขึ้นมาสักกะอย่างนึงแล้ว เราก็เลยเดินลงกันดีกว่า เพราะเริ่มขี้เกียจเดินขึ้นไปต่อแล้วอ่ะ...




     ลงมาข้างล่างแล้ว ก็แวะถ่ายกับป้ายซะหน่อย เดาเอาเองว่าน่าจะใช่ป้าย 不到长城非好汉นะ ตอนแรกเกือบเดินผ่านไปแล้วเชียว เพราะคิดว่าไม่มีไรน่าสนใจ แต่ดันเหลือบมาเห็น不到•••นี่แหละ เหล่าซืออุตส่าห์สอนมาแล้วสำนวนนี้ แปลว่า มาไม่ถึงกำแพงเมืองจีน ไม่ใช่ชายชาตรี หุหุ แหมเจ้าป้ายนี้นะ คนรอถ่ายรูปด้วยเยอะมากๆ ถึงขั้นต้องชิงกันเลยทีเดียวเชียว เพราะคนจีนไม่ยอมต่อแถวอ่ะ เพิ่งมาทีหลังเรา จู่ๆ แย่งขึ้นไปถ่ายก่อนซะงั้น พวกเราก็เลยต้องไม่แคร์บ้าง ไม่ต้องสนแล้วคิว รอตั้งนานยังไม่ได้ถ่าย จนคนแซงไปเป็นสิบละ ถ่ายคู่กะคนจีนไปซะเลย เชอะ ให้มันรู้ซะบ้าง ว่าไผเป็นไผ




     ตอนนี้เราออกจากกำแพงแล้ว เลยถ่ายกับบริเวณรอบๆ มาฝาก มีร้านอาหาร มีร้านขายของต่างๆ ค่ะ



    ถ่ายกับกำแพงข้างทาง



   มี KFC ด้วยนะค้า.. (เพิ่งมารู้ทีหลังว่า KFC มีเยอะมากๆ ในเมืองจีน)



 不到长城非好汉 อีกแล้ว อิอิ ถ่ายอีกๆ ให้เห็นชัดๆว่าหนูมาแล้วน้า



   ภาพรวมทั้งหมดของกำแพงเมืองจีน



    กำแพงเมืองจีนในวันหิมะตก


                       กำแพงเมืองจีนในวันอากาศสดใส


     มาถ่ายกับโปสเตอร์กำแพงเมืองจีนที่เค้าล้อมตึกที่กำลังสร้างอยู่ เพราะของจริงมีแต่หมอก ฮ่าๆๆ ยังอุตส่าห์มาถ่ายเพื่อ???


     เสร็จแล้วก็กลับรถบัสสายเดิม ไปเต๋อเซิ่งเหมินเช่นเคย แล้วก็ไปหาทางลงสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน เดินไปไกลใช้ได้ แล้วเราก็นั่งไปยังสถานีรถไฟใต้ดินปักกิ่ง


     นี่ไงตั๋วรถไฟฟ้าใต้ดิน ราคา 2 หยวน (ได้กลับมาเป็นที่ระลึกคนละ 1 ใบด้วยแหละ เนื่องจากว่าตั๋วใช้ได้แค่วันที่ซื้อเท่านั้น พวกเราซื้อเก็บไว้ พอเอามาใช้ก็ใช้ไม่ได้ซะแล้ว เลยได้เป็นที่ระลึกซะงั้น)



                           ป้ายบอกสถานีที่จะไป



                          มายืนรอรถไฟใต้ดินค่ะ



                        ถ่ายคู่กับป้ายบอกสถานีหน่อย



     ในรถไฟก็จะบอกเส้นทางการเดินรถว่าตอนนี้อยู่ที่ไหน แล้วกำลังไปสถานีไหนต่อค่ะ






   ในที่สุดก็มาถึงสถานีรถไฟปักกิ่งแล้ว มาง่ายมากๆ เลย เพราะขึ้นมาจากสถานีรถไฟใต้ดิน ก็เจอสถานีรถไฟฉึกฉัก ปู๊น..ปู๊น เลย



     คนต่อแถวซื้อตั๋วเยอะมากๆ นี่คือช่องขายตั๋วด้านนอก และยังมีช่องขายตั๋วด้านในอีกค่ะ เยอะมากๆ มากกว่าสิบช่องอ่ะ


     เราไม่รู้ว่ารถไฟของปักกิ่งมีตารางเดินรถยังไง ขึ้นจากไหน ไปไหนบ้าง ถามเจ้าหน้าที่ เค้าก็บอกว่าให้ไปซื้อตารางเดินขบวนรถไฟที่ทางเข้าที่ขายตั๋วด้านใน เดินหาแบบงงๆ แต่ก็เจอ เลยซื้อมา 1 เล่ม เป็นหนังสือเล่มเล็กๆ ราคา 3 หยวน ทำความเข้าใจกับหนังสืออยู่สักพัก แล้วก็เริ่มจดๆ ขบวนที่เราอยากไป แล้วไปต่อแถวซื้อตั๋วอันยาวเหยียด



                             นี่ไง หนังสือที่ว่า


     ผลปรากฏว่าวันนี้ เราซื้อตั๋วไม่ได้ซักกะใบนึง ตั๋วเต็มหมดค่า เซ็งเลย
ก็เลยเดินไปหาของกินที่ฝั่งตรงข้ามดีกว่า











             อาหารปักกิ่งที่สั่งกันเอง (ทำไมเจ๊ทำหน้าแปลกๆ อ่า...)




     กินอิ่มแล้วก็ไปที่ทำการไปรษณีย์ข้างๆ ร้านอาหาร ส่งไปรษณียบัตรกลับบ้านเป็นที่ระลึก ว่าเคยมีจดหมายจากปักกิ่งส่งมา (ที่จริงก็คือตั๋วกำแพงเมืองจีนวันนี้แหละ ด้านหลังเป็นไปรษณียบัตรด้วย เลยเอามาส่งกลับบ้าน ปรากฏว่าส่งแล้ว เราก็ลืมไปเลย จนกลับถึงไทยเดือนนึงแล้ว เพิ่งจะได้รับ ถึงจะนึกได้ว่าเคยส่งด้วยนี่นา อิอิ)


อิ่มแล้วไปไหนกันต่อดีล่ะ???
.
.
.
.
.


ไปถนนคนเดินเฉียนเหมินดีกว่าแฮะ Let's go!


     เดินทางโดยรถไฟฟ้าใต้ดินเหมือนเดิม ลองซื้อตั๋วกับตู้ดูซิ ใบละ 2 หยวนเหมือนเดิม


                          มาถึงเฉียนเหมินจนได้ค่า



                  ตึกด้านหลังนี้คืออะไรนะ? ถ่ายรูปไว้ก่อนแล้วกัน



               ตึกนี้ก็ไม่รู้คืออะไรเหมือนกัน แต่ก็ถ่ายรูปไว้อีกแหละค่ะ


                       ที่แท้ก็คือทางเข้าเฉียนเหมินนี่เอง







        มุมนี้เห็นบ่อยในหนังสือท่องเที่ยว เรามาถึงแล้วก็ต้องถ่ายเหมือนกัน โฮ่ๆๆๆ


และแล้ว เราก็เริ่มเดินสำรวจตลาดกัน อากาศตอนนี้เย็นสบายๆ ไม่หนาวเว่อร์เหมือนที่กำแพงเมืองจีน เราเลยเดินกันอย่างเพลิดเพลิน สบายอารมณ์มากๆ ที่เฉียนเหมิน มีร้านค้าเยอะแยะมากมาย ซื้อของฝากจากที่นี่ได้เลยนะ ราคาต้องต่อรองเช่นกันค่ะ ถ้าอยากได้ราคาถูกตามต้องการ แต่บางร้านเค้าก็มีโปรโมชั่นลดราคาอยู่แล้ว (แต่ก็ยังต่อราคาได้อีก เหอะๆ)




     เดินไปเดินมา เจอป้ายต้าสือล่าน เย้ๆๆ แต่แหม ถ่ายรูปทั้งทีก็ดันติดอากงกับอาม่ากำลังเดินสวีทกันง่ะ อิจฉาตาร้อน เหมือนเราเป็นตัวประกอบฉากยังไงไม่รู้เนี่ย


     เพิ่งรู้นี่แหละว่าต้าสือล่านอยู่ในเฉียนเหมิน เย้ๆๆ ดีใจ เพราะว่าในบทเรียน มีพูดถึงต้าสือล่านด้วย เหล่าซือเพิ่งสอนมาเนี่ย ที่ต้าสือล่าน มีร้านเฉวียนจวี้เต๋อ (全聚德) เป็นร้านขายเป็ดปักกิ่งเจ้าดัง เจ้าเก่าซะด้วย (แต่มีหลายสาขา) ร้านตงหลายซุ่น (东来顺) ขายจิ้มจุ่มเนื้อแพะ (涮羊肉) ก็เป็นร้านดังเก่าแก่เหมือนกัน และมีถงเหรินถาง (同仁堂) เป็นร้านขายยาเก่าแก่ ยาดังก็คือ ยวิ๋นหนานป๋ายเย่า (云南白药)ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นแบบไหน ใช้ทำอะไร (แล้วเราจะบอกทำไม?)


     แล้วเราก็เดินเที่ยวต้าสือล่านกัน แต่กล้องก็ดันแบตหมด ของพี่บอลก็เจ๊งไปตั้งแต่อยู่กำแพงเมืองจีนแล้วอ่ะ เลยไม่ค่อยได้เก็บบรรยากาศ เดินเที่ยวกันจนมืดค่ำสุดๆ สามทุ่มกว่าเห็นจะได้ แต่ที่นี่ก็ยังคึกคักกันอยู่นะ


     สรุป พี่จิ๊ได้ซื้อของแค่คนเดียว คือ ซื้อบัวหิมะ ที่ร้านถงเหรินถางเจ้าเก่า และซื้อกระเป๋าลากใบเล็ก 1 ใบ สำหรับเก็บสัมภาระเดินทางท่องเที่ยวไปเมืองอื่นๆ ในวันมะรืนนี้นั่นเอง


     หลังจากนั้น เราก็กลับโรงแรม เดินไปหาสถานีรถไฟใต้ดิน (โคตรไกล ถามคนจีน เค้าบอกว่าอยู่ใกล้ๆ...เชื่อไม่ได้เลยเนี่ย) แล้วซื้อลาเปา และขนมอื่นๆ ไปกินกันที่ห้อง


     วันนี้กินข้าวแค่ 1 มื้อ และไม่ได้เข้าห้องน้ำเลย เพราะไม่ค่อยปวด ประกอบกับยังไม่ค่อยอยากสัมผัสห้องน้ำเมืองจีนด้วย (เหตุผลหลักเลยเนี่ย)


     พอกลับถึงห้องก็กินขนมที่ซื้อมา แล้วยังไม่หลับไม่นอนกันอีก ยังออกไปหาร้านเน็ตอีก ที่จริงที่โรงแรมก็มีคอมฯแหละ แต่มันพัง ใช้ไม่ได้ เค้าเลยให้เราเดินไปอีกตึกของโรงแรม คือ อี้ฟาตงโหลว เราก็ไปลงรูปกัน เพราะว่าเมมโมรี่การ์ดเริ่มเต็มกันแล้วนั่นเอง ค่าเน็ต ถ้าจำไม่ผิด ชั่วโมงละ 4 หยวน นั่งกันประมาณ 2 ชั่วโมงเห็นจะได้ แล้วก็เดินกลับห้องกินยาคลายเส้น อาบน้ำนอน หลับสบายมากๆ เลย


คำศัพท์สำหรับวันนี้


กำแพงเมืองจีน   长城   (chángchéng)  ฉางเฉิง 


ครึ่งราคา       半价   (bànjià)      ปั้นเจี้ย     


พาสปอร์ต      护照   (hùzhào)      ฮู่จ้าว 


บัตรนักเรียน    学生证  (xuéshēngzhèng) เสวียเซิงเจิ้ง


ที่ทำการไปรษณีย์  邮局   (yóujú)      โหยวจวี๋  


KFC        肯德基   (kěndéjī)    เขิ่นเต๋อจี


Mc Donald  麦当劳   (màidāngláo) ม่ายตังเหลา 


ร้านเก่าแก่     老字号   (lǎozìhào)   เหล่าจื้อฮ่าว
--------------------------------------------
วันที่ 1 การเดินทางวันแรกของหนู
วันที่ 2 ถึงเมืองจีนแล้วจ้า
วันที่ 3 เที่ยวกำแพงเมืองจีน
วันที่ 4 นางสนมที่เทียนถาน
วันที่ 5 มาโผล่ที่ต้าถง ชมถ้ำหยุนกัง-วัดแขวน
วันที่ 6 เข้าสู่ซีอาน ชมสุสานจิ๋นซี
วันที่ 7 เที่ยวลั่วหยาง ชมถ้ำหลงเหมิน,พิพิธภัณฑ์ และวัดม้าขาว
วันที่ 8 กลับปักกิ่ง โดนทหารไล่ที่พระราชวังต้องห้าม
วันที่ 9 พักผ่อนหย่อนใจ ที่พระราชวังฤดูร้อน-สนามกีฬารังนก-หวังฝูจิ่ง
วันที่ 10 ช็อปปิ้งที่ตลาดรัสเซีย
วันที่ 11 บ๊ายบายปักกิ่ง
วันที่ 12 ถึงบ้านโดยสวัสดิภาพ

No comments: