06 September 2016

大家好!สวัสดีค่าาทุกท่าน


สวัสดีค่ะ ไม่ได้อัพเดตข่าวสารนานมากๆ เลย ตอนนี้เพื่อนๆ คงเก่งภาษาจีนกันไปเยอะแว้วว 

สำหรับคนที่ภาษาจีนพัฒนาไปไกลแล้ว แอดมินก็ขอแสดงความดีใจด้วยค่ะ ส่วนคนที่กำลังเริ่ม ก็ขอให้พยายาม สู้ๆ กันต่อไปนะคะ สักวันต้องเป็นของเราค่าา

ส่วนตัวแอดมินเอง ก็มีโอกาสได้ใช้ภาษาจีนที่พยายามร่ำเรียนมานานนนนน จนลืมบ้างอะไรบ้างก็ว่ากันไป แต่ในที่สุด! เค้าก็ได้มาทำงานที่ประเทศจีนตามที่ฝันไว้แล้วนะตะเอง เป็นความรู้สึกที่ดีใจ ตื่นเต้น มึนงง สับสนปนๆ กันไป เพราะการมาครั้งนี้ คือมาทำงาน ไม่ได้มาเที่ยวเล่น หรือเรียนภาษาแค่ช่วงเวลาสั้นๆ เหมือนที่เคยมาอีกต่อไปแล้วว

นับไปนับมานี่ก็มาสถิตอยู่ ณ ประเทศจีน ปีฝ่าๆ แล้วนะเนี่ยยยย เวลาผ่านไปเร็วจุง

วันนี้ก็มาขอเล่าประสบการณ์ บันทึกเอาไว้ในบล็อกนี้ละกันนะว่าไปไงมาไง ถึงมาทำงานที่จีนได้ แล้วการใช้ชีวิตที่เมืองจีนเนี่ย มันเป็นยังไงบ้าง ยาวหน่อยอย่าว่ากันล่ะ ถึงไม่มีใครอยากรู้ แอดเก็บไว้อ่านเองละกันเนอะ อย่างน้อยก็เป็นบันทึกความทรงจำดีๆ ของตัวเอง และเป็นเรื่องราวที่แสดงให้เห็นถึงความพยายาม มุมานะ ไม่ย่อท้อ (แม้จะแอบฝ่อๆ ไปบ้างตามรายทาง อิอิ) แต่สุดท้ายก็ถือว่าบรรลุเป้าหมายตัวเองไปอีกขั้นนึงละเน้ออออ



ย้อนไปเมื่อประมาณปี 2545-2546 ช่วงนั้น จำได้ว่าแอดอยู่ม.ปลาย (โอ๊ะ รู้อายุเลยเชียว) สี่หนุ่ม F4 คือดังมากกกกกกก หลิวซิงยวี่คือหลอนมาก ซื้อแผ่นคอนเสิร์ต F4 มาเปิดร้องมันได้ทุกวัน แม้จะไม่รู้เรื่องภาษาจีนเลยก็ตาม แล้วก็สงสัยว่า เนื้อเพลงที่ร้องๆ อยู่เนี่ยคืออะไรกันนะ อีกอย่างก็หวังว่าคงจะมีสักวันที่ช้านจะได้เจอพี่เคน F4 ถ้าเจอนะ จะได้พูดคุยกันสักนิดก็ยังดี (เพ้อไปเรื่อยอะ) ก็เลยเริ่มไปเรียนภาษาจีนกับคนข้างบ้านจ้าาาา

หลังจากนั้นไม่นาน ก็เลิกเรียน (ไม่ใช่ขี้เกียจนะ เค้าจะสอบเอ็นสะท้านน) จนเข้าปี 1 นั่นแหละ ถึงจะได้เริ่มกลับมาเรียนพิเศษภาษาจีนอีกครั้งหนึ่ง ไปๆ มาๆ ช่วงเรียนมหาวิทยาลัย เป็นช่วงที่ดีที่สุดเลย ที่มีเวลาได้เรียนพิเศษภาษาจีนทุกเสาร์-อาทิตย์ เพราะหลังจากเรียนจบแล้ว ก็ไม่ค่อยได้เรียนอย่างต่อเนื่องเลยง่ะ (แต่เค้าก็ยังชื่นชอบภาษาจีนนะ เข้าร้านหนังสือ ซื้อมาอ่านเองบ้างไรบ้างนะ ดูขยันเนอะ อิอิ)

ช่วงเรียนปี 3 แอดมีโอกาสได้เข้าดูงาน ณ บริษัทแห่งหนึ่ง และพบว่าบริษัทมีสาขาอยู่ที่ต่างประเทศ รวมถึงประเทศจีนด้วย กรี๊ดๆๆ ความฝันของช้านนน ชั้นจะทำงานที่นี่ ชั้นจะไปประจำสาขาที่จีนนน

จนกระทั่งเรียนจบ ก็ทำงานที่บริษัทนี้ล่ะนะ พร้อมด้วยความใฝ่ฝันที่อยากจะไปเมืองจีน แต่ยังไง้ ยังไง ก็ยังไม่มีโอกาสเข้าถึงที่จะได้ไปซักกะที (จะไปได้ไง ก็แกไม่เคยสมัครนิ)

วันเวลาผ่านไปไวยิ่งกว่าโกหก...(ใครอยากทำอะไรก็รีบๆ ทำน้าา อย่าปล่อยเวลาให้ผ่านไปเรื่อยๆ มันผ่านไปเร็วจนเราแทบไม่รู้ตัวเลยทีเดียว)ช่วงเดือนธันวาคม 2557 แอดเห็นประกาศของที่ทำงานรับสมัครพนักงานไปประจำสาขาที่จีนจ้าา กรี๊ดๆๆ ไฟกลับมาลุกอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ตัดสินใจละ เอาล่ะเว้ย รอบนี้ ลองมันสักตั้ง จะได้ไม่เสียดายที่ไม่เคยได้ลองทำในสิ่งที่อยากทำมานาน สมัครเลยจ้าา ผ่านก็ได้ไป ไม่ผ่านก็อยู่มันที่เดิมนี่ล่ะ ไม่เห็นจะเสียหายเลย สุดท้ายก็ยื่นใบสมัครเรียบร้อย รอ ร๊อ รอเค้าติดต่อมา แต่เอ๊ะ ลองโทรเช็คหน่อยดีกว่า ใบสมัครส่งเมลไป ได้รับรึเปล่านะ เมื่อเช้าเราเลือกฤกษ์งามยามดี 08.59 น. ส่งเมลซะด้วย

ตื๊ด..ตื๊ด..สวัสดีค่ะ บลาๆๆๆ อ้อ พี่ยังไม่ได้รับเมลใบสมัครที่หนูส่งไปเลยหรอคะ เดี๋ยวหนูส่งให้ใหม่เลยค่ะพี่ ขอบคุณมากค่ะ 

แป่ว!! แกร๊..แกมั่นใจว่าแกดูฤกษ์แล้วใช่มั้ยเมื่อกี๊ 555 พี่เค้าไม่ได้รับเมลแกเฟร้ยย รออะไรล่ะ รีบส่งใหม่ ณ บัดนาว ฤกษ์งามยามดีที่สุดก็คือตอนนี้ เวลานี้ ขณะนี้นี่แหละ ชั้นไม่ดงไม่ดูมันละเลขสวย 

ในที่สุด ก็ได้ไปเข้าสัมภาษณ์ แต่หลังสัมภาษณ์เสร็จ มีความมั่นใจถึงร้อยละ 99 เลยทีเดียวว่า เค้าคงไม่เลือกช้านน เมื่อกี๊ชั้นตอบอะไรไป รู้สึกว่าตัวเองตอบคำถามไม่ค่อยดีเลยอะ แถมยังบอกเค้าไปว่าไม่ได้ก็ไม่เป็นไรหรออออ เอ้อ..เราอาจจะไม่เหมาะก็ได้แฮะ แม้มันจะเป็นความฝัน แต่ถ้ามันไม่เป็นอย่างที่คิด เราไม่เอาก็ได้นะ--นี่คือปลอบใจตัวเองจ้ะ อย่างน้อยก็ลองมาคุยแล้วละเนอะ ได้ทำสิ่งที่คาใจมานานละ ผลจะเป็นไงก็ค่อยว่ากันอีกที ทำเต็มที่แล้วล่ะนะ--สรรหาเหตุผลมาปลอบใจตัวเองมากก

เวลาผ่านไป 3 เดือน ไม่ได้รับการติดต่อใดๆ กลับมา แน่นอนละ ตั้งใจทำงานที่เดิมไปเหอะ ไม่ได้ไปแย้วแน่เบยย แต่ในที่สุด เดือนที่ 4 จ้าาา ได้รับโทรศัพท์จากสำนักงานใหญ่ "น้องคะ ตอนนี้เราได้ผู้จัดการแล้วนะคะ ผจก.อยากคุยกับน้องค่ะ" "อ๋อค่ะ" (คือเริ่มไม่แน่ใจ เข้าใจว่าได้คนทำงานตำแหน่งนี้ไปแล้ว ในใจคือไม่อยากไปแระ รอน้านนาน นานจนความอยากเริ่มเป็นความกลัว กลัวว่าถ้าได้ไปจริงๆ ชั้นจะอยู่ได้มั้ย ไม่ไปดีกว่า)

สุดท้ายก็ได้รับโอกาสทั้งจากผู้จัดการ และพี่ๆ ที่สำนักงานใหญ่ ให้ประจำที่สาขาในจีน... เอาจริงๆ ก็บอกไม่ถูกหรอกนะ ว่าดีใจเหมือนตอนที่อยากมาตั้งแต่เมื่อ 8-9 ปีที่แล้วรึเปล่า แต่โอกาสมาแล้ว จะรออะไรล่ะ ก็คว้าไว้สิ ไม่ใช่จะได้มาง่ายๆ นะเธอ 1 ในหมื่นนะจ๊ะ เธอควรจะดีใจ

หลังจากนั้นอีก 2 เดือนกว่าๆ ก็ได้ย้ายมาอยู่จีนสมความปรารถนาที่รอคอยมานานมากๆ เกือบสิบปีแน่ะ สุดท้ายเราก็ดิ้นรนมาจนได้แฮะ ตรงจุดนี้ก็อยากให้เพื่อนๆ น้องๆ มีความมุ่งมั่น อดทน อย่าละทิ้งความฝันกันนะคะ เมื่อมันมาได้ตามฝันเราแล้ว จะรู้สึกภูมิใจมากๆ เลย เพราะมันไม่ใช่ความโชคดี โชคช่วยอะไรนะ นี่คือเรามีการเตรียมตัวกันมานะคะ ถึงจะเรื่อยๆ มาเรียงๆ ท้อบ้าง อะไรบ้าง กว่าจะบรรลุเป้าหมายใช้เวลานานสักหน่อย แต่ผลลัพธ์มันก็คุ้มค่า และภาคภูมิใจในตัวเองมากกกก ปลื้มไปได้พักใหญ่ๆ เลยแหละ

ลองคิดดู ถ้าเรามีความมุ่งมั่น อยากไปทำงานต่างประเทศจัง อยากนู่นอยากนี่จัง แต่ ณ ขณะนั้น เรายังไม่มีความรู้ ไม่ว่าจะเรื่องภาษา หรือเรื่องความถนัดเฉพาะใดๆ ก็ตาม แต่ถ้ามันเป็นสิ่งที่เราต้องการจะทำให้ได้อะ มันก็ต้องวางแผนกันหน่อยน้า ว่าจะทำยังไงให้ได้มา ไม่ใช่แค่เพ้อฝันไปวันๆ ว่าอยากจุงเบย แต่ไม่วางแผนทำอะไรสักอย่าง หรือความอดทนไม่มากพอ (จริงๆ คือความอยากได้ยังไม่มากพออะ เลยยังไม่เริ่มซะที หรือรู้สึกถ้าให้รอนานขนาดนั้นรอไม่ไหวอะ เลยไม่ทำดีกว่า) พอคนอื่นทำได้ก็บอกว่าโชคดี เอ่อ..มันมิใช่นาจาา

เอาล่ะ เม้ามาพอหอมปากหอมคอ และชักจะยาวมากไปแล้วล่ะ ไว้คราวหน้าค่อยมาเล่าละกันเนอะ ว่าความรู้สึกในการทำงานที่เมืองจีนเนี่ย มันแตกต่างจากการไปเที่ยว ไปเรียนยังไงบ้าง

ก็หวังว่าเรื่องที่เล่ามาทั้งหมด อาจจะเป็นเชื้อเพลิง ช่วยจุดไฟ สร้างแรงบันดาลใจให้หลายๆ คนเกี่ยวกับการเรียนภาษาจีนได้บ้างนะคะ บางคนไฟอาจจะมอดๆ ไปบ้างแล้ว ก็ขอให้ลุกกันขึ้นมาใหม่นะ แอดเชื่อว่าทุกคนประสบความสำเร็จได้ค่าา (ไม่ว่าจะเป็นเรื่องภาษาจีน หรือเรื่องอื่นๆ ที่ตั้งใจก็ตาม) แต่ทั้งนี้เราก็ต้องมีจุดมุ่งหมายด้วยอ่าา ไม่งั้นก็มิรู้จะพยายามไปเพื่ออะไร เหมือนที่บางทีแอดก็เคยมึนๆ หลงทางมาบ้างแย้วว กว่าจะมาถึงจุดนี้โนะ^^ สู้กันต่อไปนะคะ แอดมินเป็นอีกหนึ่งกำลังใจน้อยๆ ให้ค่าา

ปล.พี่เคน F4 แต่งงานแย้วอะ ยังไม่เคยเจอตัวเป็นๆ สักทีจนกระทั่งบัดนี้ แต่ก็ขอบคุณพี่ๆ F4 มากนะคะ ที่เป็นแรงบันดาลใจ ทำให้หนูได้รู้จักภาษาจีน แม้ว่าพวกพี่จะไม่รู้ตัวเลยก็ตาม อิอิ 

No comments: